ชื่อเรียกระดับผลงาน/ผลการประเมินสำคัญไฉน  พอพูดถึงผลการประเมิน เราคงจะนึกถึง วิธีการประเมิน  แบบฟอร์มที่ใช้ในการประเมิน และตัวชี้วัดที่จะนำมาเป็นตัวกำหนดผลของการประเมิน ของพนักงานแต่ละคน  สำหรับองค์กรโดยทั่วไป มักจะใช้ผลการประเมินการปฏิบัติงานของพนักงาน มาจาก

–  แผนงาน / เป้าหมาย ที่ตกลงกัน (WHATS)

–  แผนงาน / เป้าหมาย มีการทบทวนระหว่างปี

–  พิจารณาวิธีการปฏิบัติงาน (HOW) ด้วย

ถ้าพนักงาน ทำได้ตามที่ได้ตกลงกันไว้ หัวหน้าจะทำการประเมินผลการปฏิบัติการงาน พนักงานดังกล่าว อยู่ในระดับผลงานที่อยู่ในเกณฑ์ดี-ดีมาก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับข้อตกลงตั้งแต่ต้น  เช่น ตกลงกันเป็นระดับคะแนน ว่าเริ่มตั้งแต่เท่าไรถึงเท่าไร แล้วกำหนดให้เป็นเกรด ออกมา ดังตัวอย่าง ข้อมูลด้านล่าง

grade level

 

สำหรับองค์กรบางแห่ง ก็มีการกำหนดระดับผลงานออกเป็น        1    2+    2    3 ซึ่ง ระดับผลงาน 1 ก็เทียบเท่ากับ  ระดับผลงาน A  และ 2+ เทียบเท่ากับ ระดับผลงาน B ตามลำดับ   สิ่งที่ผู้เขียนอยากจะยกเป็นอุทาหรณ์ สำหรับการบริหารผลการปฏิบัติงาน สำหรับองค์กรที่เป็นคนไทย เมื่อนายจ้างนำผลประโยชน์ใส่เข้าไปให้กับพนักงาน  ที่ได้ระดับผลงานต่างๆ ดังกล่าวข้างต้น ก็เลยทำให้ พฤติกรรมพนักงานปรับเปลี่ยนไป ยกตัวอย่างเช่น พนักงานมีผลการประเมินการปฏิบัติงาน ตามเป้าหมายแต่ละคน โดยจะมีผลการขึ้นเงินเดือน เป็น เปอร์เซ็น จากฐานค่าจ้างของพนักงานแต่ละคน เช่น

A =  8  %                  B =  6  %                C =  4  %               D =  2  %                 E =  0  %

ถ้าพิจารณาดูแล้ว พนักงานที่ทำงานได้ตามมาตรฐานคือ พนักงานที่มีระดับผลการประเมินอยู่ที่ เกรด C  แต่ระดับผลงานที่เหนือกว่า คือ A และ B เป็นพนักงานที่ทำงานสูงกว่ามาตรฐาน ก็จะได้รับการปรับค่าจ้างสูงกว่า พนักงานที่มีระดับผลการประเมิน ที่อยู่ในระดับผลงานเกรด C สำหรับในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ ยังใช้ผลการประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานในองค์กรมาเป็นข้อมูล ในการพิจารณา ถึง

  1. การขึ้นค่าจ้าง
  2. การจ่ายโบนัสประจำปี
  3. การเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง
  4. การปรับค่าจ้างเป็นกรณีพิเศษ
  5. การลงโทษ
  6. การให้ออก/ปลดออก

เมื่อระดับผลการประเมิน  มีผลต่อความเป็นอยู่พนักงานขนาดนี้ ย่อมกระทบต่อความรู้สึกของพนักงานอย่างแน่นอน องค์กรบางองค์กรเริ่มเข้าใจความรู้สึกของพนักงานที่ถูกประเมินแล้วได้ระดับผลงานต่ำ  นั่นหมายถึงภาพลักษณ์และศักดิ์ศรีของคน  จากที่ผู้เขียนมีประสบการณ์ในเรื่อง การประเมินผลการปฏิบัติงานมาพอสมควร  จากที่เคยใช้ระดับผลงานที่เป็นระบบเกรด  A  B  C  D  E    เมื่อพนักงานได้ผลการประเมินที่ เป็น C ก็มักจะเกิดความรู้สึกที่ไม่ดี ทั้งๆ ที่ความหมายของ ผลงานระดับ C  คือ ได้ผลงานตามมาตรฐานขององค์กรก็ตาม

แนวคิดสมัยใหม่ของผู้บริหาร จึงมีการปรับเปลี่ยนระดับผลงาน โดยใช้ชื่อเรียกให้ดูมีผลทางจิตวิทยาของคนมากขึ้น  เช่น

ระดับผลงานที่เป็นเกรด

A     ให้เปลี่ยนมาเป็น  A++

B      ให้เปลี่ยนมาเป็น  A+

C      ให้เปลี่ยนมาเป็น  A

D      ให้เปลี่ยนมาเป็น  B

E       ให้เปลี่ยนมาเป็น  C

จากได้มีการทดสอบและทดลองใช้งานในบางองค์กร พนักงานเกิดความรู้สึกที่ดีขึ้น ทั้งๆที่ ผลงานที่ออกมาก็อยู่ในมาตรฐานเดียวกัน เงินเดือนและผลประโยชน์ ที่ได้รับก็เป็นตัวเดียวกัน แต่แตกต่างกันที่ความรู้สึกของพนักงาน ที่คนอื่นมองหรือการรับรู้จากผู้อื่น จะเป็นความรู้สึกในทางที่ดี  ซึ่งอาจจะเกี่ยวข้องกับศักดิ์ศรีของคนด้วยเช่นกัน  ฉะนั้นองค์กรที่มีปัญหาในเรื่องเหล่านี้  ลองใช้วิธีนี้ดูก็น่าจะแก้ปัญหาได้บ้างไม่มากก็น้อยครับ