จากนิตยสาร Time ที่ทำสกู๊ปหน้าปกเรื่อง Me Me Me Generation มองว่าคนรุ่นใหม่ที่เกิดระหว่างปี ค.ศ. 1980-2000 มักจะมองตัวเองสำคัญที่สุด มองว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งทุกอย่างหรือเรียกอีกคำหนึ่งว่า เป็นกลุ่มที่หลงตัวเอง ลักษณะบุคลิกภาพหลงตัวเอง มักจะมีอาการและพฤติกรรมดังนี้
- ปฏิกิริยาต่อการวิพากษ์วิจารณ์ ด้วยความโกรธแค้น สร้างความน่าละอาย ขายหน้าและความอัปยศอดสู ไม่ค่อยยินยอมให้ใครมาวิจารณ์การกระทำของเขานอกจากการชมเท่านั้น
- การเอาเปรียบผู้อื่น เพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเองหรือเพื่อให้ได้วัตถุประสงค์ของตนเอง
- มีความรู้สึกว่าตนเองเป็นคนสำคัญมากเกินพอดี
- การพูดขยายความเกินความเป็นจริงเกี่ยวกับความสำเร็จหรือความสามารถของตนเอง
- มีใจหมกหมุ่นกับจินตนาการความสำเร็จ พลังอำนาจ ความงาม สติปัญญาหรือความรักในอุดมคติ
- ใช้เหตุผลที่ไม่สมเหตุสมผล กับสิ่งที่ตนเองชื่นชอบ หลงใหล และควาดหวังสิ่งนั้น
- ต้องการเป็นที่ชื่นชอบ ยอมรับและหลงใหลอยู่ตลอดเวลา
- เพิกเฉยไม่เอาใจใส่ต่อความรู้สึกของผู้อื่นและมีความพยามเพียงน้อยนิดที่จะแสดงความเห็นใจผู้อื่น
- คิดหมกหมุ่นอยู่กับผลประโยชน์และความต้องการของตนเอง
- ไล่ตามเป้าหมายที่เห็นประโยชน์ แก่ตนเอง โดยทุ่มทุนเพื่อให้ได้มาเพื่อสิ่งนี้
ถ้าเรามาดูเรื่อง อายุคนเหล่านี้จะอยู่ในช่วง 21-40 ปี พฤติกรรมของบุคคลกลุ่มนี้จากทั้งหมด 10 ข้อที่กล่าวมาข้างต้นจะมีผลและอิทธิพล ต่อการเข้ามาสู่องค์กรในอนาคตอย่างไรบ้าง จากการที่เราได้รับรู้พฤติกรรมของบุคคลกลุ่มนี้ จะทำให้เราในฐานะผู้บริหารองค์กร จะเตรียมรับมือกับบุคคลากรกลุ่มนี้อย่างไรบ้าง เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า องค์กรไม่ต้อนรับกับคนที่มีพฤติกรรมลักษณะนี้ ถ้ามีการสำรวจองค์กรของท่านเอง อาจจะมีเข้าไปนั่งอยู่ในองค์กรมากกว่า 20 % แล้วก็ได้ สำหรับสังคมไทย ต้องยอมรับว่าการเลี้ยงดูของครอบครัวไทย มีส่วนเป็นอย่างมาก ที่ทำให้บุตร หลาน เติบโตมาเป็นลักษณะเช่นนี้
เมื่อเราได้ข้อมูลสิ่งที่เกิดขึ้นจริง จากการวิเคราะห์ข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญ เราในฐานะผู้บริหารจะเตรียมรับมือกับบุคคลากรที่กำลังก้าวเข้าสู่องค์กรของเราอย่างไรบ้าง แน่นอนครับ ผลกระทบกับพนักงานที่ปฏิบัติงานอยู่เดิม ย่อมมีขึ้นแน่นอน แต่ก็ต้องยอมรับว่า ความสามารถของคนกลุ่มนี้ ถ้าองค์กรมีการพัฒนาให้เขาเดินทางไปตามเป้าหมาย/วัตถุประสงค์ขององค์กร ก็จะทำให้องค์กรได้ประโยชน์จากคนกลุ่มนี้ได้มากทีเดียว แต่สิ่งที่องค์กรต้องแลกเปลี่ยนกลับมาก็คือ การยอมรับกับความก้าวร้าว คำพูดที่ไม่ไพเราะเสนาะหู การหยุดงานที่ไม่มีเหตุและผล และการวิพากษ์หรือการพูดถึงองค์กรในทางที่ไม่ดี ผู้องค์กรยอมรับในส่วนนี้ได้หรือไม่
ในฐานะผู้เขียนมองไปถึงระบบงานการสรรหาและคัดเลือกพนักงานเข้าสู่องค์กร ที่มีอยู่เดิม ควรจะต้องมีการปรับเปลี่ยนเพื่อที่จะดึงดูดผู้สมัครกลุ่มนี้ได้อย่างไรบ้าง ซึ่งเชื่อได้ว่าผู้สมัครกลุ่มนี้ ย่อมมองหาองค์กรที่เขาต้องการ เหมาะสำหรับตัวเขา ที่สามารถปฏิบัติงานได้ โดยไม่ลำบากใจนัก และมีเพื่อนร่วมงาน รวมทั้งผู้บริหารองค์กร ให้การต้อนรับพวกเขาเป็นอย่างดี ซึ่งในรายละเอียดระบบงานการสรรหาและคัดเลือก ที่องค์กรต้องปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์นั้น จะมีอะไรบ้าง จะกล่าวถึงในบทต่อไป
ที่มาข้อมูล : ดร.กฤติน กุลเพ็ง การสรรหาและคัดเลือกพนักงานเข้าสู่องค์กร 20 มกราคม 2564