ฝ่ายทรัพยากรบุคคล เป็นหน่วยงานที่จะต้องคัดเลือกคนเข้าทำงานในหน่วยงานต่างๆ แล้ว แต่สำหรับหน่วยงานที่อยู่ในสังกัดของตัวเอง  ก็จะต้องพิถีพิถันเป็นอย่างมาก ในการสรรหาและคัดเลือกผู้ที่จะมาทำหน้าที่ในการทำค่าจ้างของพนักงานทั้งหมดขององค์กร  ผู้อ่านเมื่อฟังแล้วอาจจะมีข้อสงสัย ว่าทำไมจึงต้องสรรหา คัดเลือกผู้ที่จะมาทำหน้าที่นี้  ก็ไม่เห็นจำเป็นเลย ใครมาทำหน้าที่ก็ได้  เพราะว่าก็น่าจะเหมือนกับหน่วยงานอื่นๆ โดยทั่วไป

5687002

 

สิ่งที่เจ้าหน้าที่ผู้นี้รับรู้ คือ การขึ้นเงินเดือนของพนักงานทั้งหมด ขององค์กร  และไม่ได้เห็นเฉพาะพนักงานระดับเดียวกันเท่านั้น  เขาเห็นระดับตำแหน่งที่สูงกว่าเขาด้วย  ซึ่งบางตำแหน่งจะมีอัตราเงินเดือนที่สูงกว่าตัวเขาเองมาก  จะเกิดความรู้สึกเปรียบเทียบระหว่างภาระการทำงานกับอัตราเงินเดือนที่ได้รับ  จะมีปัญหาในแง่แนวคิดได้เช่นกัน

จากที่ผู้เขียนเคยมีประสบการณ์ในการทำงาน ของในภาคอุตสาหกรรมมาก่อน  ในช่วงนั้นมีเพื่อนๆ  ที่เข้ามาปฏิบัติงานในสายงาน HR พร้อมๆ กันทั้งหมด  3  คน  รวมทั้งตัวผู้เขียนเองด้วย  จากที่เข้าไปปฏิบัติงานได้ประมาณ 1 ปี  หัวหน้าแผนก จะมอบหมายงานให้ทำเป็น หมวดๆไป โดยเริ่มตั้งแต่  งานสรรหาคัดเลือก  งานฝึกอบรม  งานค่าจ้าง  โดยการรับหน้าที่ในช่วงรอบแรกไม่เป็นไร ก็จะดำเนินไปได้ด้วยดี  แต่พอระยะผ่านไปประมาณเกือบ 2 ปี  ก็จะมีการสับเปลี่ยนหน้าที่งานกัน  เพื่อเปิดโอกาสให้มีการเรียนรู้ได้มากกว่า 1 หน้าที่งาน   จากสิ่งที่ได้เรียนรู้ของการมอบหมายงานให้กับเจ้าหน้าที่ HR ทั้ง 3  คน  ปรากฏว่า ผู้ที่ได้รับหน้าที่ด้านการบริหารค่าจ้าง  เป็นเพื่อนร่วมงานอีกคนหนึ่งที่  ต้องมาทำหน้าที่แทนคนเดิม  แต่เมื่อมีการส่งมอบงานซึ่งกันและกัน  ปรากฏว่า  การส่งมอบงานหยุดชะงักเพราะว่า เพื่อนที่รับหน้าที่ใหม่ ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้  เพราะว่าทำใจไม่ได้  ในการรับรู้การขึ้นเงินเดือนของเพื่อนๆ  ที่เข้ามารุ่นเดียวกัน หรือมีการเห็นเงินเดือนของบางตำแหน่ง ที่เป็นระดับ วิศวกร  ที่เพิ่งจบใหม่มา มีอัตราเงินเดือนที่แตกต่างจากตัวเองมาก  จึงทำให้ ระบบแนวคิดของเขารับไม่ได้ในจุดนี้  จึงบอกกับหัวหน้าแผนกตรงๆ เลยว่า เขาขอไม่ทำหน้าที่ตรงส่วนนี้ได้หรือไม่  เพราะว่าเขายังรับกับการรับรู้เงินเดือนของคนอื่น และตำแหน่งงานอื่นที่เขาเห็นและบางคนเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน  ทำให้เขารับงานในส่วนนี้ไม่ได้  เพื่อนร่วมงานดังกล่าวนั่งนิ่งเฉยทั้งวัน ไม่ยอมปฏิบัติงานอะไรทั้งสิ้น  เพราะว่ายังทำใจรับข้อมูลเงินเดือนที่เขาเห็นไม่ได้

จากประสบการณ์ในมอบหมายงานในครั้งนั้น  เป็นบทเรียนของผู้เขียนเหมือนกันว่า  ถ้าถึงคราวที่เราต้องไปรับตำแหน่งงาน ที่ต้องรับผิดชอบในส่วนนี้  เราจะเป็นลักษณะนี้หรือไม่ เคยคิดอยู่ในใจตลอดเวลา  เมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่ง  ก็ต้องมารับผิดชอบงานด้านการบริหารค่าจ้างตามที่เราได้ฝันไว้  เมื่อตอนไปปฏิบัติแรกๆ  ก็เกิดความรู้สึกเหมือนกัน ที่มาดูอัตราค่าจ้างของตัวเองเทียบกับเพื่อนร่วมกันคนอื่นๆ  ที่เข้ามาพร้อมกัน  มีข้อสงสัยว่าทำไมอัตราการขึ้นค่าจ้างถึงห่างกันมาก  แต่ในช่วงวัยขณะนั้น  ผู้เขียนไม่ค่อยได้คิดมากสักเท่าไร เพราะว่าคิดเสมอว่าจะทำอย่างไรให้งานที่ปฏิบัติอยู่เสร็จภายในกำหนดเวลาให้ได้   เพราะว่าตำแหน่งนี้ ต้องรักษาความลับ  ความถูกต้อง รวดเร็ว  และสิ่งที่ได้รับจากการทำตำแหน่งนี้ก็คือ  เราเป็นบุคคลสำคัญที่พนักงานให้ความเคารพและไว้วางใจ  เพราะเรารู้เงินเดือนของพนักงานทุกคน   ซึ่งทุกคนจะพยายามมาเอาใจใส่ เพื่อที่จะให้ผู้ปฏิบัติงานบอกสิ่งที่เขาอยากรู้ก่อนเพื่อนๆ  การที่เราเป็นผู้รู้และควบคุมความลับทั้งหมดไว้  ส่วนใหญ่พนักงานและหัวหน้าก็ให้ความสำคัญ  ทั้งๆ ที่ตัวเองมองดูแล้ว  ก็มีข้อสงสัยว่าทำไม่อัตราเงินเดือน  ต่างกันขนาดนี้  แต่พอเราเป็นผู้ดำรงตำแหน่งสูงขึ้นก็พอทราบถึงเหตุผลว่า การจ้างงาน ต้องมีการจ้างที่ไม่เท่ากัน  ตามความต้องการของตลาด ตามแต่วิชาชีพที่ขาดแคลน วิชาชีพใดที่มีมาก หาได้ง่าย การกำหนดอัตราค่าจ้างก็จะต่ำกว่าตำแหน่งที่มีวิชาชีพที่ขาดแคลนอยู่ ณ ขณะนั้น

จากที่ได้เล่าข้อมูลเรื่อง การสรรหาและคัดเลือกผู้มาทำหน้าที่  การบริหารค่าจ้างขององค์กร ก็จะเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้บริหารของ HR จะต้องให้ความสำคัญที่จะต้องเลือกเฟ้นหาพนักงานที่มีความเป็นผู้ใหญ่ และมีทักษะ ความสามารถที่เก็บความลับได้ รับสารภาพกับการที่จะรับรู้ข้อมูลเงินเดือนเพื่อนร่วมงานและอัตราเงินเดือนผู้อื่นที่มีตำแหน่งสูงกว่าได้  โดยไม่มีความรู้สึกที่คิดมาก จนทำงานไม่ได้  ถ้าปล่อยไปหรือเลือกคนผิดไป จะทำให้เกิดปัญหาต่อองค์กรตามมาได้  จึงอยากจะฝากบอกมายังฝ่าย HR ที่จะต้องเฟ้นหาคนที่มีคุณสมบัติมาดำรงตำแหน่งจะดีกว่าที่จะ หาใครมาก็ได้ที่มาทำหน้าที่ตามที่ควรจะเป็น