ปัจจุบันกระทรวงมหาดไทยได้ออกบัตรประจำตัวประชาชนชนิดใหม่ที่เรียกกันว่า บัตรประชาชนอเนกประสงค์ หรือ บัตรสมาร์ทการ์ด ขึ้นมา ทำให้ประชาชนทั่วประเทศต่างทยอยไปทำบัตรใหม่กัน ซึ่งรุ่นใหม่หน้าบัตรจะมีรูปครุฑอยู่ด้านบนซ้าย ที่สามารถเก็บข้อมูล ได้มากขึ้นกว่าเดิมจาก 64 กิโลไบต์ เป็น 80 กิโลไบต์ โดยบัตรสมาร์ทการ์ดจะมีลักษณะแตกต่างจากบัตรทุกรุ่นที่ผ่านมา คือ ตัวบัตรทำด้วยพลาสติกชนิดพิเศษ มีความแข็งแรงทนทาน รายการในบัตรมีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษกำกับในส่วนที่เป็นสาระสำคัญ เพื่อให้ใช้งานได้อย่างสากล มีไอซี ชิพ (IC Chip) สำหรับจัดเก็บข้อมูลจากหลายหน่วยงาน พร้อมลายพิมพ์นิ้วมือเจ้าของบัตร เพื่อใช้ในการพิสูจน์ยืนยันตัวบุคคลในการขอรับบริการต่าง ๆ จากหน่วยงานภาค รัฐและเอกชน และมีสัญลักษณ์สำหรับตรวจสอบป้องกันการปลอมแปลงบัตรที่มีประสิทธิภาพยากแก่การปลอมแปลง
ไอซี ชิพ ที่ฝังไว้ในตัวบัตรสมาร์ทการ์ด เปรียบเสมือนคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก ที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถเก็บข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและหน่วยงานได้อย่างมหาศาล ซึ่งปัจจุบันมีหน่วยงานต่าง ๆ นำมาใช้แล้ว เช่น สำนักงานประกันสังคม สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก หน่วยบัญชาการกำลังสำรอง สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ทำให้ประชาชนได้รับความสะดวกรวดเร็วในการติดต่อขอรับบริการจากหน่วยงานเหล่านั้น รวมทั้งกระทรวงสาธารณสุข จะเริ่มใช้บัตรประจำตัวประชาชนอเนกประสงค์รุ่นใหม่แทนบัตรทองในการเข้ารับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาล โดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) มีการพัฒนา การเชื่อมโยงข้อมูลสารสนเทศกับศูนย์เทคโนโลยีและคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และศูนย์เทคโนโลยี สารสนเทศของกระทรวงสาธารณสุข ในการให้บริการผู้ป่วย
โดยทางสถานบริการสามารถตรวจสอบข้อมูลการเข้าใช้บริการของผู้ป่วยได้ตลอดเวลา ป้องกันการใช้บริการซ้ำซ้อน ซึ่งขณะนี้ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้มีแผนบูรณาการบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้ากับบัตรประจำตัวประชาชนแบบอเนกประสงค์ ซึ่งจะบรรจุข้อมูลสิทธิหลักประกันสุขภาพได้อย่างครบถ้วนทั้ง 3 กองทุน ทั้งสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ประกันสังคม และสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ โดยมีการเชื่อมโยงข้อมูลกับสำนักบริหารการทะเบียนของ กระทรวงมหาดไทย ทำให้ได้รับความสะดวกรวดเร็วในการเข้ารับบริการ
นอกจากนี้ จะมีการนำข้อมูลมาจัดเก็บเพิ่มเติมใน ไอซีชิพ อีกหลายหน่วยงาน เช่น กระทรวงศึกษาธิการ เกี่ยวกับประวัติของเด็ก รวมทั้ง สภากาชาดไทย ซึ่งจะใช้ในการจัดเก็บข้อมูลของผู้บริจาคอวัยวะ และ ในอนาคตหากส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐทุกแห่งนำข้อมูลมาจัดเก็บไว้ในไอซี ชิพ มากขึ้นเรื่อย ๆ จะทำให้ประชาชนได้รับความสะดวกยิ่งขึ้น เพราะสามารถใช้บัตรเพียงใบเดียวขอรับบริการจากหน่วยงานภาครัฐได้ทุกแห่ง โดยไม่ต้องพกพาเอกสารอื่นอีก ต่อไป แม้กระทั่งสมุดทะเบียนบ้าน
บัตรสมาร์ทการ์ด นอกจากจะใช้เพื่อแสดงตนในการรับบริการ หรือทำนิติกรรมกับหน่วยงานต่าง ๆ แล้ว ยังสามารถใช้บริการผ่านทางอินเทอร์เน็ต เพื่อตรวจสอบข้อมูลของตนเอง รวมทั้งการตรวจสอบคัดรับรองสำเนาทะเบียนบ้าน บัตรประจำตัวประชาชน ตลอดจนการตรวจ สอบสิทธิเลือกตั้ง ผ่านทางเครื่องบริการประชาชนแบบอเนกประสงค์ หรือ เครื่องเอ็มพีเอ็มซึ่งกรมการปกครองจะนำมาติดตั้งให้บริการในปลายปีนี้ โดยในระยะแรกจะติดตั้ง ณ สำนักทะเบียนอำเภอที่เป็นที่ตั้งของศูนย์บริหารการทะเบียนภาค 9 จังหวัด
จากการที่ภาครัฐได้มีการปรับเปลี่ยนบัตรประชาชนรุ่นใหม่ ให้มีความทันสมัยมากขึ้น รองรับเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่กำลังจะเข้ามาในอนาคต ในฐานะนักบริหารงานบุคคล ที่จะต้องปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงาน เพื่อรองรับคนรุ่นใหม่ที่กำลังจะเข้ามาสู่องค์กร โดยเฉพาะคนที่เป็น Gen Z ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านระบบคอมพิวเตอร์ มีทักษะทางด้าน เทคโนโลยีค่อนข้างสูง ถ้าหน่วยงานทาง HR ยังไม่มีการปรับตัวให้ทันสมัย ในการต้อนรับคนรุ่นใหม่ แล้วละก็ ก็จะถือว่าเป็นหน่วยงานที่ตกยุคเลยทีเดียว
เราจึงปรับปรุงกระบวนการทำงานของฝ่าย HR ให้สอดรับกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉาะ การสรรหาพนักงานเข้าสู่องค์กร ในปัจจุบันบัตรประชาชนของคนไทยเราเริ่มให้มีบัตรได้ตั้งแต่อายุ 7 ปีบริบูรณ์ และมีการพัฒนาให้รายละเอียดของบัตรประชาชน เริ่มมีข้อมูลที่สำคัญ เช่น กรุ๊ปเลือด บัตรประกันสังคม ใบขับขี่รถยนต์ ข้อมูลการรักษาพยาบาล เป็นต้น เมื่อเป็นเช่นนี้ วงการนักบริหารงานบุคคล ควรจะต้องตระหนักและเตรียมตัว การพัฒนาระบบงานให้มีความสอดคล้องกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป ให้ได้ประโยชน์มากที่สุด ซึ่งปัจจุบันการสมัครงานของแต่ละองค์กร ยังใช้ระบบเดิมๆ โดยการใช้หลักฐานการสมัครงาน คือ สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน เราควรจะปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานเสียใหม่ โดยใช้บัตรประชานรุ่นใหม่ ให้เกิดประโยชน์ ต่อองค์กร ลดขั้นตอน ลดกระดาษ ห้องเก็บเอกสาร ผู้สมัครที่เดินเข้าสู่องค์กร ยังมีความรู้สึกว่า องค์กรแห่งนี้ทันสมัย น่าอยู่ และมีความเป็นมืออาชีพ สิ่งเหล่านี้แหละ จะทำให้องค์กรได้รับประโยชน์ จากคนรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาร่วมงาน
องค์กรสามารถปรับในส่วนที่จะเป็นเอกสารทั้งหมด โดยใช้ระบบการอ่านจากบัตรประชาชนอย่างเดียว ถือว่าได้ครบทุกอย่าง ซึ่งจะเป็นการพัฒนาระบบงานของงานด้าน HR ไปสู่อีกระดับหนึ่ง ผู้เขียนยังฝันต่อไปอีกว่า การใช้บัตรประชาชนที่มีข้อมูลทั้งหมด สามารถที่จะทำการ link ข้อมูลมาสู่ใบสมัครของแต่ละบริษัท โดยไม่ต้องให้ผู้สมัครได้กรอกข้อมูลผ่านระบบเวบในปัจจุบัน สิ่งที่ผู้เขียนได้พูดไว้ ถือว่าเป็นการพัฒนาระบบงานการสรรหาพนักงานได้อีกระดับหนึ่ง และถือเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้สมัครที่จะเลือกองค์กรที่เข้าใฝ่ฝันที่จะร่วมงานด้วย ว่าจะเลือกองค์กรแบบใด จึงถือว่าการปรับเปลี่ยนลักษณะนี้ เป็นการสร้างแรงจูงใจให้ผู้สมัครได้ตัดสินใจที่จะเข้ามาร่วมงานได้เร็วขึ้น นอกจากการเพิ่ม เงินเดือน สวัสดิการ ของแต่ละบริษัท ให้เป็นส่วนในการสร้างแรงจูงใจ แต่เมื่อเข้าไปปฏิบัติงาน ยังพบว่าระบบและกระบวนการทำงานยังล้าหลังอยู่ ผู้เขียนเชื่อว่า คนรุ่นใหม่ต้องเดินออกจากองค์กรเหล่านี้ ทำให้เสียค่าใช้จ่าย ต่างๆ ตามมาอีกมากมาย