ความเป็นมืออาชีพ ของเจ้าหน้าที่สรรหา
ในยุคปัจจุบัน การสรรหาและคัดเลือกพนักงานเข้าสู่องค์กร เป็นงานที่ท้าทายของฝ่าย HR เป็นอย่างมาก เพราะว่าแทบทุกบริษัทประสบปัญหาการรับพนักงานเข้ามาเติมเต็ม ในตำแหน่งงานที่ยังขาดอยู่ ซึ่งหามาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว ก็ยังไม่มีพนักงานที่สนใจและถูกใจที่จะมาสวมตำแหน่งที่บริษัทต้องการได้ ประกอบกับพนักงานในองค์กรเอง ก็ลาออกอยู่เรื่อยๆ จนกระทั่งเป็นการขาดพนักงานสะสมเป็นจำนวนมาก ผู้บริหารจึงพยายามแก้ปัญหาที่สามารถแก้ไขและปรับได้ง่ายก่อน โดยการปรับสวัสดิการ ค่าจ้างของบริษัท ให้สูงขึ้น เพื่อเป็นการดึงดูดพนักงานที่สนใจ ให้เข้ามาสู่องค์กรมากขึ้น แต่การปรับลักษณะเช่นนี้ทำให้เกิดปัญหาในบริษัท เพราะว่าเมื่อมีการปรับพนักงานที่เข้าใหม่ ลืมไปว่าพนักงานเก่าที่อยู่กับองค์กรมานาน ก็ต้องคำนึงด้วย ไม่เช่นนั้น บริษัทก็ต้องสูญเสียพนักงานที่อยู่กับองค์กรมานาน ไปอย่างโดยไม่ได้ตั้งใจ
ความเป็นมืออาชีพของเจ้าหน้าที่สรรหา ของบริษัทต้องคำนึงถึงผลกระทบในระยะยาวที่จะตามมาถึงบริษัทด้วย การนำเสนอผู้บริหาร โดยการให้ข้อมูลที่ถูกต้องตรงประเด็น น่าจะเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์บริษัทได้ชัดเจนกว่า เพราะอย่าลืมว่าการที่จะดึงดูดพนักงานเข้ามาสู่องค์กรไม่ใช่ การปรับเงินเดือน และสวัสดิการเท่านั้น มีองค์กรประกอบอีกหลายอย่าง ที่จะทำให้ผู้สมัครได้ตัดสินใจเดินเข้าสู่องค์กร เช่น ภาพลักษณ์ของบริษัท สถานที่ตั้งอยู่ใกล้กับแหล่งชุมชน เดินทางมาปฏิบัติงานสะดวกหรือไม่ วันหยุดไปตอบโจทย์ให้กับคนรุ่นใหม่คือเสาร์ อาทิตย์ และเวลาปฏิบัติงานต้องเป็นมาตรฐานสากล เข้า 8.00-17.00 น. เป็นต้น
เจ้าหน้าที่สรรหาต้องทำหน้าที่ค้นหาความจริงที่แท้จริงว่า ผู้สมัครที่เข้ามาสู่องค์กรของตนเอง ชอบในลักษณะใด ก็ควรจะปรับให้ตรงจุด ผู้เขียนจึงขอนำเสนอแนวทางให้ เจ้าหน้าที่สรรหาได้มีแนวทางไป สำรวจข้อเท็จจริงของบริษัทว่า สิ่งที่ได้ปฏิบัติอยู่นั้น เป็นสิ่งที่กระทำได้ถูกต้องตรงประเด็นหรือไม่
- สำรวจหาช่องทางการสมัครงานของผู้สมัคร ว่าเขานิยมชมชอบในลักษณะใดมากที่สุด โดยการสอบถามจากผู้สมัครแต่ละคน เพื่อเก็บข้อมูล แล้วหาข้อสรุป นำเสนอผู้บริหาร เพื่อทำการปรับช่องทางดังกล่าวให้มีความเหมาะสม สะดวกในการเข้าถึงให้มากขึ้น เช่น การปรับช่องทางการส่งเอกสารการรับสมัครงาน โดยการส่งผ่านทาง mail ได้ โดยไม่ต้องใช้ Hard copy
- การสร้างแรงดึงดูดผู้สมัครให้เข้ามาสู่องค์กรได้มากที่สุด โดยการปรับในส่วนที่ผู้สมัครเล็งเห็นความสำคัญและใช้ประโยชน์ได้ง่าย เช่น การปรับแพ็คเกจค่าจ้างและสวัสดิการให้เกิดแรงดึงดูด โดยการให้พนักงานได้เลือกได้หลากหลาย การวางระบบการปฏิบัติงานบางตำแหน่งให้ปฏิบัติงานอยู่ที่บ้านได้ โดยกำหนดเป้าหมายของงานให้เกิดความชัดเจน การเดินทางเข้ามาปฏิบัติงานให้มีความยืดหยุ่นและเหมาะสมกับลักษณะงาน ไม่ต้องจำกัดเวลาจนเกินไป
- การพัฒนาระบบการรับสมัครพนักงาน ให้มีความทันสมัย โดยการสมัครผ่านระบบ อินเตอร์เนท การสัมภาษณ์ผ่านทาง เวปแคม เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับผู้สมัครได้มีทางเลือกได้มากขึ้น กรณีที่ผู้สมัครได้มีการสมัครงานผ่านทางทาง อินเตอร์เนท ควรจะต้องมีระบบตอบรับข้อมูล เพื่อให้ผู้สมัครเกิดความรู้สึกว่าบริษัทได้รับข้อมูลแล้ว ไม่ใช่เงียบหาย ไม่มีการตอบรับข้อมูลใดๆ ทำให้ผู้สมัครเกิดความไม่มั่นใจในบริษัท
- การติดต่อผู้สมัคร ควรใช้ภาษาที่มีความเป็นมืออาชีพ ไม่ใช่นึกอยากจะพูดอะไรก็เขียนตอบกลับไป โดยไม่คำนึงถือภาพลักษณ์ของบริษัท เช่น การติดต่อผู้สมัครในยามวิกาล หรือ การโทรศัพท์ติดต่อในลักษณะเชิงชู้สาว
- การแจ้งข้อมูลกลับกรณีที่มีการสัมภาษณ์ผู้สมัคร โดยส่วนใหญ่ เจ้าหน้าที่สรรหามักจะเลือกแจ้งแต่ผู้สมัครที่มีการสัมภาษณ์แล้วเท่านั้น แต่ผู้สมัครที่เข้ามาสัมภาษณ์แล้วไม่ผ่านการสัมภาษณ์ ถูกละเลยไปไม่ได้แจ้งให้ทราบ ทำให้ผู้สมัครที่ไม่ผ่านการสัมภาษณ์เสียส่วนใหญ่เกิดความรู้สึกที่ไม่ดีต่อองค์กรได้
จากสิ่งที่ผู้เขียนได้สรุปหัวข้อที่เป็นภาคปฏิบัติ ของเจ้าหน้าที่สรรหาพนักงาน ว่าควรจะปรับพฤติกรรมการทำงานเสียใหม่ ให้เกิดความเป็นมืออาชีพ ทั้งในการทำงาน การติดต่อสื่อสาร การให้ข้อมูล การพัฒนาระบบการทำงาน สิ่งต่างๆเหล่านี้ จะมีส่วนช่วยให้ผู้สมัครมีความมั่นใจ และเลือกที่จะเข้ามาปฏิบัติงานและมีส่วนร่วมกับองค์กรของเรา เพราะว่าคนรุ่นใหม่มองว่า การทำงานให้กับองค์กรใดก็ตาม ต้องคำนึงถึงว่า เขาจะต้องมีความรู้กลับไปด้วย ไม่ใช่แต่การทำงานเพื่อได้ผลตอบแทนเพียงแต่การับเงินเดือน สวัสดิการเท่านั้น