สังคมยุคใหม่ที่ผู้บริหารต้องเข้าใจและรับรู้ เพื่อต้อนรับแนวคิดของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการก้าวกระโดดเข้าสู่วงการในโลกสังคมการทำงาน เมื่อสมัยก่อนยุคแรกๆ มีการปลอมแปลงวุฒิการศึกษา เพื่อที่จะเข้ามาทำงานให้ได้ในบริษัทที่เขาใฝ่ฝัน แต่นายจ้างก็รู้ทันเกมส์ ลูกจ้าง ก่อนที่จะรับเข้าทำงาน ก่อนที่จะมีการประเมินผ่านการทดลองงานในบริษัท จะมีการตรวจสอบวุฒิการศึกษา จากสถาบันการศึกษาแต่ละแห่งก่อน ซึ่งเป็นตัวชี้วัดตัวหนึ่งของงานสรรหาว่าจ้าง จะต้องทำการตรวจสอบให้เสร็จก่อนที่จะมีการบรรจุ เข้าเป็นพนักงาน ในบริษัท เมื่อสมัยก่อนไม่ค่อยมีการตรวจสอบกัน แต่พอมายุคปัจจุบันเป็นสิ่งจำเป็นที่ทุกองค์กร จะต้องสร้างระบบการตรวจสอบให้รวดเร็วทันกาล เพื่อไม่ให้เกิดการรับคนที่ไม่ถูกต้อง ไม่ตรงความต้องการขององค์กร

นักบริหารงานบุคคลต้องปรับเปลี่ยนวิธีคิด และวิธีทำงานตลอดเวลา เพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้าและติดขัดในเรื่องการรับคนเข้าทำงาน เพราะว่าบางครั้งหน่วยงานบุคคลจะต้องทำงานไปกับ Line Manager ถ้างานมาติดขัดเรื่อง การตรวจสอบวุฒิ ซึ่งบางครั้ง หน่วยงานมีความต้องการคน เร่งด่วน ก็จะทำให้เกิดความเข้าใจผิดกันไปได้ ฉะนั้นนอกจากจะต้องพูดคุย สื่อสารกันบ่อยครั้งแล้ว จำเป็นจะต้อง แจ้งให้หน่วยงานรับทราบถึงขั้นตอนของเราอยู่ตลอดเวลา เพราะว่าความต้องการของหน่วยงาน และความต้องการของ HR จะเป็นการสวนทางกัน   โดยความต้องการของหน่วยงาน มีความต้องการคนเพื่อมาเสริมด้านการผลิต ให้ได้เป้าหมาย ตามที่ลูกค้าต้องการ ต้องส่งมอบสินค้าให้ทัน ตามที่ลูกค้าสั่งผลิต ถ้าไม่ทันจะถูกปรับตามระยะเวลาที่ส่งสินค้าไม่ทัน

สำหรับความต้องการของหน่วยงาน HR จำเป็นจะต้องมีการตรวจวุฒิการศึกษาอย่างละเอียดก่อนมีการรับเข้าทำงาน เพราะว่าถ้าเกิดมีการผิดพลาดเกิดขึ้นในขั้นตอนใด หน่วยงาน HR มักจะถูกเพ่งเล็ง เป็นอันดับแรกก่อนเสมอว่า ไม่ทำการตรวจสอบก่อนการส่งมอบงานให้หน่วยงานต่างๆ ซึ่งมักจะมีปัญหาความล่าช้ากับการรับคนอยู่เสมอ นักบริหารงานบุคคลแบบมืออาชีพ ต้องเป็นผู้ประสานสิบทิศ ในการทำงานให้สำเร็จลุล่วงให้ได้ และต้องเป็นผู้เข้าใจกระบวนการทำงานของหน่วยงานอย่างท่องแท้อีกด้วย

งานด้านการตรวจสอบวุฒิการศึกษายังไม่ทันที่ HR จะแก้ไขได้เสร็จทันตามที่องค์กรต้องการเลย กลับมีปัญหาใหม่ติดตามมากล่าวคือ ทุกองค์กรเริ่มประสบปัญหามากขึ้นกับ พนักงานที่เข้ามาทำงานในองค์กร โดยเฉพาะเป็นพนักงานระดับหัวหน้า และระดับผู้บริหารระดับกลาง ทำการเขียนประวัติการผ่านงานของตัวเองเกินความเป็นจริง เมื่อผู้บริหารรับเข้ามาทำงานแล้ว กลับไม่ใช่ตามที่คิดและคาดหวัง ต้องมานั่งปวดหัวกับการที่จะทำอย่างไรดีกับพนักงานที่สร้างประวัติการทำงานเกินความเป็นจริง และทำงานไม่ได้ตามที่เขียนไว้ในประวัติของตัวเองว่าผ่านงานด้านต่างๆ มามากมาย จนผู้สัมภาษณ์งานเกิดความหลงใหลในประวัติของผู้สมัคร และเมื่อเรียกสัมภาษณ์งานก็นำเสนองานเกินความเป็นจริงเข้าอีก ผู้บริหารที่ขาดทักษะ ขาดประสบการณ์ในการสัมภาษณ์ มักจะถูกเป็นเหยื่อของคนเหล่านี้ อย่างไม่ต้องสงสัย มารู้อีกครั้ง เมื่อมีการบรรจุแต่งตั้งเป็นพนักงานไปแล้ว พฤติกรรมที่พบเห็นหลังจากผ่านทดลองงานคือ การปฏิเสธงานของตัวเอง โยนงานให้หน่วยงานอื่นทำ ประสานกับหน่วยงานอื่นล้มเหลว ทุกหน่วยงานโจมตีมาที่หน่วยงาน HR ว่าไม่มีประสิทธิภาพ ถ้าเป็นแบบนี้ ไม่ต้องมีหน่วยงาน HR ก็ได้ ผู้บริหารที่คุมสายงานด้านบริหารจะปวดหัว ไม่รู้จะหาทาออกอย่างไรดี เพราะว่ามีการรับเข้ามาแล้ว เงินเดือนก็สูง จะเลิกจ้างก็ต้องจ่ายค่าชดเชย และค่าบอกกล่าวล่วงหน้า และยิ่งไปกว่านั้นไม่อยากให้หน่วยงานอื่นรับรู้ว่า มีการพิจารณารับคนที่ไม่ตรงกับความต้องการขององค์กร ซึ่งเป็นเรื่องที่เจ็บใจที่สุด

ถึงเวลาแล้วที่หน่วยงาน HR และผู้บริหารระดับสูงต้องมีทักษะในการเช็คและตรวจสอบ ทักษะความสามารถ competency ความเชี่ยวชาญในงานอย่างแท้จริงเสียก่อน โดยเฉพาะการตรวจประวัติจากที่อื่นจากเอกสารการผ่านงานเพียงกระดาษแผ่นเดียว คงไม่ใช่จะตอบโจทย์เรื่องนี้อย่างได้ผลอีกต่อไป ใบผ่านงานที่ออกมาจากบริษัท โดยส่วนใหญ่จะเขียนไว้ว่า ทำงานในตำแหน่งสุดท้ายคือ ตำแหน่งอะไร ผ่านการทำงานมาเป็นระยะเวลากี่ปี แต่ไม่ได้บอกรายละเอียดว่า เพิ่งมาทำงานในตำแหน่งที่จะลาออกได้เพียงแค่ 1 เดือนเท่านั้น ระบบการตรวจสอบการผ่านงานจำเป็นที่จะต้องมีการหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นสำคัญในการตรวจสอบ และดำเนินการอย่างเร่งด่วน หน่วยงาน HR คงจะหนีไม่พ้น สำหรับงานชิ้นนี้อย่างแน่นอน นอกจากตรวจสอบวุฒิการศึกษา จากสถาบันการศึกษาแล้ว จำเป็นที่จะต้องสร้างระบบในการตรวจสอบการผ่านงานจากบริษัทที่ผู้สมัครได้ มีประสบการณ์มา

สิ่งที่ผู้เขียนอยากจะให้แนวคิดไว้สำหรับเรื่องนี้ว่า ระบบการตรวจสอบถ้ามีการโทรถามไปยังไปหน่วยงาน HR ของผู้สมัคร ก็มักจะได้ข้อมูลที่ไม่เป็นข้อเท็จจริง เพราะว่าฝ่ายบุคคลต้นสังกัดก็อยากจะช่วยให้พนักงานที่ออกมามีงานทำ ส่วนใหญ่มักจะไม่บอกความจริงกัน ฉะนั้นการตรวจสอบในเรื่องนี้ ต้องมีทักษะ ความสามารถ และความเชี่ยวชาญ ในการเช็คข้อมูลของผู้สมัคร จากพนักงานในองค์กรที่เขา ผ่านงานมา โดยไม่ต้องบอกว่าจะมาตรวจสอบเรื่อง การทำงานในแห่งใหม่ ซึ่งอาจจะสมมุติเป็นการเช็คข้อมูลเพื่อ มาเป็นการส่วนตัว เช่น อ้างว่า มาชอบน้องสาว หรือมาชอบเพื่อนสนิท ซึ่งผู้ที่จะให้ข้อมูลก็ต้องมีความสนิท และเข้าใจ กับเราพอสมควร