ความเข้าใจของผู้บริหารองค์กร โดยส่วนใหญ่มักจะมองว่า การที่พนักงานทำอะไรที่เป็นคุณงาม ความดี บริษัทต้องยกย่อง ชมเชยพนักงาน ให้ทุกคนในองค์กรได้รับรู้ เพื่อเป็นการให้เกียรติคนที่ทำความดี ด้วยหลักทฤษฎีที่ได้เรียนมาก็ถือว่า เป็นความเข้าใจที่ถูกต้อง แต่ในภาคปฏิบัติลงในรายละเอียดในแต่ละเรื่อง อาจจะต้องพิจารณาถึงผลดี และผลเสียที่จะตามมาอีกด้วย ผู้เขียนอยากจะให้แง่คิด วิธีปฏิบัติในแต่ละเรื่อง ที่เกิดขึ้นสำหรับพนักงานในองค์กร เช่น พนักงานเก็บสิ่งของที่เป็นของคนอื่นได้ ในลักษณะนี้บริษัทควรจะยกย่องพนักงานที่มีการปฏิบัติที่ดี สมควรเอาให้พนักงานคนอื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่างที่ดีได้ ซึ่งการกระทำในลักษณะดังกล่าว ผู้บริหารองค์กรบางแห่ง นำข้อมูลพนักงานที่กระทำความดีทั้งปี มาเป็นข้อมูลในการพิจารณาความดี ความชอบ โดยการพิจารณาการขึ้นเงินเดือน และการจ่ายโบนัสประจำปีด้วย ก็จะเป็นการกระตุ้นให้พนักงานภายในองค์กร ได้มีแรงจูงใจในการกระทำความดี ถึงแม้จะมีผลประโยชน์มาเป็นสิ่งล่อใจก็ตาม เพราะผลที่บริษัทได้รับจะคุ้มค่ามากกว่า โดยเฉพาะบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการบริการ ย่อมต้องใส่ใจต้องผู้มารับบริการ ถ้าสิ่งของที่ลูกค้าลืมไว้แล้วเกิดการสูญหาย ย่อมส่งผลต่อภาพพจน์ต่อลูกค้าอย่างแน่นอน จะเห็นได้ว่าสิ่งที่พนักงานได้กระทำความดีในลักษณะดังกล่าว ผู้บริหารองค์กรควรยกย่อง ชมเชยต่อหน้าสาธารณะชน ต้องกระทำในทันที เพื่อให้เห็นถึงความใส่ใจ และคุณค่าของพนักงาน
สำหรับกรณีที่พนักงานที่เป็นคนเก่งหรือ Talent ขององค์กรล่ะ ผู้บริการองค์กรจะกระทำในลักษณะเดียวกันได้หรือไม่ จะทำการประกาศให้พนักงานทุกคนได้รับทราบและมอบของรางวัลให้กับพนักงานที่เข้าข่ายนี้ได้หรือไม่ ผู้บริหารองค์กรแต่ละแห่งได้มีแนวคิดที่แตกต่างกันออกไป เพราะว่าตามหลักทฤษฎีแล้วบอกว่า ใครทำความดีควรจะได้รับการยกย่อง ชมเชย ควรจะยึดถือปฏิบัติในลักษณะเดียวกัน ผู้เขียนได้เป็นที่ปรึกษาองค์กรแห่งหนึ่งผู้บริหารได้เล่าให้ฟังว่า เขาได้ตัดสินใจที่จะนำเงินที่เป็นค่าคอมมิสชั่นรวมของแต่ละเดือนที่ได้มาก้อนหนึ่ง นำมาแบ่งเป็นส่วนๆ แล้วนำเงินนั้นไปให้กับพนักงานที่เป็นคนเก่งประจำหน่วยงาน ให้ได้รับสองส่วน ซึ่งมากว่าพนักงานคนอื่น ผลปรากฏว่าหน่วยงานดังกล่าวที่พนักงานมีความรักสามัคคีกันเป็นอย่างดี เกิดปัญหามีความขัดแย้งภายในหน่วยงานขึ้นมาทันที จึงเกิดมุมมองที่ไม่น่าเป็นไปได้สำหรับหน่วยงานแห่งนี้ ผู้บริหารก็ไม่ได้ละความพยายาม ได้เข้าไปสอบถามพนักงานในหน่วยงานที่มีปัญหาว่า ทำไมถึงเกิดความขัดแย้งกัน จึงได้ข้อมูลเพิ่มเติมมาว่า พนักงานที่อยู่หน่วยงานดังกล่าวนี้ได้แบ่งหน้าที่งานกันทำด้วยความสมัครใจ โดยการมองว่าถ้าพนักงานคนใดที่ขายเก่งและเชียร์ลูกค้าได้ดี ก็มอบหมายให้พนักงานคนนั้นอยู่หน้าร้าน เพื่อคอยต้อนรับและบริการลูกค้าหน้าร้าน และสำหรับพนักงานอื่นๆ ที่อยู่ภายในหน่วยงานเดียวกัน บางคนก็รับอาสาไปทำหน้าที่ซื้อเสบียงอาหารไว้ให้กับเพื่อนที่อยู่หน้าร้าน และมีพนักงานอีกส่วนหนึ่งมีหน้าที่จัดของ เรียงสินค้าให้เกิดความสวยงาม ลูกค้ามองมาแล้ว มีความสะอาด น่าซื้อ สินค้าไม่บกพร่อง ก็จะอยู่บริเวณหลังร้าน เมื่อผู้บริหารมาเยี่ยมร้านแต่ละครั้งมักจะเห็นน้องที่ทำหน้าที่ขายและบริการอยู่เป็นประจำ ไม่เคยเห็นเพื่อนร่วมงานคนอื่นเข้ามาทำหน้าที่ช่วยขายเลย จึงเกิดความรู้สึกว่า ต้องคิดวิธีการที่จะให้ค่าตอบแทนพนักงานที่ทำหน้าที่อยู่หน้าร้าน ให้ได้ค่าคอมมิสชั่นที่ลูกค้าให้มาแต่ละเดือน ให้ได้จำนวนมากกว่าพนักงานคนอื่นภายในหน่วยงาน จึงเกิดความรู้สึกไม่ดีกับพนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่ภายในหน่วยงานเดียวกัน เพื่อนๆมองว่าพนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่หน้าร้าน นำข้อมูลไปฟ้องเจ้านาย จึงเกิดปัญหาในลักษณะนี้ขึ้นมา การกระทำที่เกิดขึ้นจะเห็นได้ว่า พนักงานที่เป็นพนักงานขายหน้าร้านไม่ได้มีพฤติกรรมดั่งที่เพื่อนๆได้กล่าวหามาเลย แต่กลับถูกเพื่อนๆ ภายในหน่วยงาน ไม่พูดด้วย
สิ่งที่ผู้บริหารได้เห็นและลงมือปฏิบัติในขณะเดียวกัน จะทำให้พนักงานที่มีความเป็นทีมอยู่แล้ว เกิดความขัดแย้งภายในหน่วยงานขึ้นมาได้ จากตัวอย่างที่ได้ยกมาเป็นอุทาหรณ์เตือนใจ สำหรับผู้บริหารองค์กร ให้เกิดความตระหนักถึงความสำคัญในการที่ตัดสินใจอะไรลงไป ต้องคิดเสมอว่า จะมีผลกระทบถึงพนักงานที่เป็นทีมงานด้วยหรือไม่ จากกรณีที่พนักงานซึ่งถูกประเมินจากผู้บริหารว่าเป็น Talent ขององค์กรก็เช่นกัน การที่ผู้บริหารจะทำการประกาศให้พนักงานทุกคนได้รับทราบทั่วทั้งบริษัท จะทำให้เกิดปัญหาในลักษณะตัวอย่างดังกล่าวตามมาเช่นกัน ซึ่งผู้เขียนได้กล่าวมานั้น ต้องบอกไว้ก่อนว่า เกิดขึ้นกับวัฒนธรรมองค์กรที่เป็นบริษัทแบบไทยๆ ไม่ได้ปลูกฝังวัฒนธรรมแบบเมืองนอกเข้ามา การบริหารจัดการจึงควรเน้นแบบไทยๆ ที่พนักงานในองค์กรยอมรับได้ และยึดถือปฏิบัติได้
เมื่อแนวคิดปฏิบัติเป็นแนวทางในลักษณะนี้ คำถามที่ตามมาจากผู้บริหารองค์กร ก็จะเกิดคำถามอีกว่า แล้วจะทำอย่างไรให้พนักงานที่เป็น Talent ได้รับทราบว่า เขาคือพนักงานที่เป็นคนเก่งขององค์กร ผู้บริหารก็ต้องหาวิธีการสื่อสารกับพนักงานที่เป็น Talent ในลักษณะที่เป็นส่วนตัวหรือกลุ่มพนักงาน Talent เพื่อให้ทราบว่า บริษัทได้ให้ความสำคัญต่อกลุ่มพนักงานดังกล่าว โดยการพัฒนาฝึกอบรม ให้ทุนการศึกษาต่อ การให้ไปดูงาน การประชุมนอกสถานที่ จนกระทั่งได้รับการเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งในอนาคต