ยุคนี้อาจจะพูดได้ว่าเป็นยุคทอง ของงานสรรหาพนักงาน จากที่ผู้เขียนเป็นที่ปรึกษาหลายองค์กร มักจะบ่นเรื่อง การหาคนให้ฟังว่า หาพนักงานที่ทำงานใน โรงงานยากมาก พอหาได้มาก็มาทำงานได้ไม่ทน ไม่ค่อยสู้งาน ไม่อดทน เกี่ยงงาน เลือกที่จะทำงานไม่หนัก ไม่ทำงานล่วงเวลาถึงเวลาเลิกงานกลับบ้านตรงเวลา ไม่สนใจงานจะเสร็จหรือไม่เสร็จ ปล่อยให้หัวหน้าแก้ปัญหาเอาเอง นั่นคือพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ ที่นักบริหารงานบุคคล ประสบอยู่ในขณะนี้ บางองค์กรหาคนที่จะมาสมัครงานในบริษัทยังไม่ได้เลย คงไม่ต้องพูดถึงเรื่อง คนเก่งและคนดี คือไม่มีโอกาสได้เลือกเฟ้นที่จะหาคนได้เลย ใคร walk in เข้ามาในบริเวณบริษัท แทบจะบอกได้เลยว่า ผ่านการเป็นพนักงานไปแล้ว 50 % เพราะว่าไม่มีตัวเลือกให้ได้เลือก
กลยุทธ์ในการสรรหาและคัดเลือก จึงเป็นสิ่งที่ท้าทายในงานบุคคลเป็นอย่างมาก นักบริหารงานบุคคล จำเป็นต้องปรับวิธีการสรรหาและรับคนเข้าสู่องค์กร ให้สอดคล้องกับผู้สมัคร
ยุคใหม่ เตรียมคิดโครงการที่สำคัญๆ เพื่อดึงดูดพนักงานเข้าสู่องค์กร ผู้เขียนจึงขอยกตัวอย่าง โครงการสรรหาที่สำคัญ สำหรับองค์กรที่สามารถเลือกนำไปปรับใช้ ให้เหมาะสมกับองค์กรของท่านได้ไม่มากก็น้อย เช่น
1. โครงการรับพนักงานจากค่ายทหาร ก็เป็นอีกโครงการหนึ่งที่บริษัทได้เข้าไปอำนวยความสะดวกถึงสถานที่ทหารเกณฑ์ที่ใกล้ปลดประจำการ โดยนำเสนอ option ดี ๆ เช่น มีค่าเช่าบ้าน รถรับส่ง และค่าอาหาร ก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่ดึงดูดได้ แต่ทหารเกณฑ์ เมื่อใกล้ปลดประจำการ มักจะไม่ทำงานเลย เพราะอยากกลับไปเที่ยวบ้าน หรืออยู่กลับบ้านสักระยะก่อน แล้วถึงจะทำงาน บริษัทก็น่าจะหาทางออกที่ดีตรงนี้ให้ ตรงกับความต้องการของเขา ก็น่าจะเป็นทางหนึ่งที่ได้คนทำงานได้
2. โครงการเพื่อนชวนเพื่อน
3. โครงการเชิญชวนจากเพื่อนเข้าร่วมสัมมนาภายนอก บางครั้งนักบริหารงานบุคคลใช้ โอกาสที่ตัวเองเข้ามาสัมมนา หรือได้มีโอกาสที่ได้รับการที่เข้ามาอบรมภายนอก ณ สถานที่ต่างๆ นอกบริษัท เลยถือโอกาสประชาสัมพันธ์บริษัท ว่ายังขาดตำแหน่งสำคัญอะไรบ้าง และต้องการจำนวนเท่าไร เพื่อเป็นทางออก ช่องทางหนึ่งที่ผู้เข้าสัมมนา กำลังมีปัญหาในงานอยู่ ก็สามารถเป็นแหล่งจัดหางานย่อยได้เลย
4. โครงการทวิภาคีBrand ของบริษัทเป็นสิ่งดึงดูดนักศึกษาให้เข้ามาสู่องค์กร โดยบริษัทก็ต้องใช้โอกาสนี้ที่บริษัทส่งนักศึกษามาฝึกงานที่องค์กร ให้มีสิทธิ์ได้ถูกคัดเลือกเข้าเป็นพนักงานก่อน ก็จะทำให้โครงการนนี้ดูน่าสนใจมากขึ้น
5. โครงการให้ทุนการศึกษา shopping นักศึกษาในมหาวิทยาลัย ที่มีศักยภาพดี เหมาะสมกับองค์กร โดยมาจองตัวไว้ตั้งแต่เป็นนักศึกษาปีที่ 3 ซึ่งอาจจะตกลงกับนักศึกษากันคร่าวๆ ว่ามีค่าใช้จ่ายในการศึกษาแต่ละปีเท่าไร บริษัทจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้กับนักศึกษาเป็นปี ๆ ไป โดยที่บริษัทได้ทำสัญญากับนักศึกษาเอาไว้ว่า จะรับเป็นพนักงานของบริษัท และต้องทำงานอยู่กับบริษัทในระยะเวลา 3 ปี
6. โครงการตกเขียว ถ้ามองดูแล้วก็จะคล้ายๆกับการให้ทุนการศึกษา แต่การตกเขียวต่างกับการให้ทุนตรงที่ บริษัทไปสัมภาษณ์ที่มหาวิทยาลัย ในวันที่นักศึกษาจบเรียบร้อยแล้ว โดยไปสัมภาษณ์แล้วคัดเลือกขึ้นบัญชีเอาไว้ และทำสัญญาตกลงกัน โดยจ่ายเป็นเงินค่าจองตัวเป็นจำนวนเงิน 50,000-80,000 บาท ซึ่งมีข้อตกลงกันไว้ว่าจะทำงานให้กับบริษัทในระยะเวลา 3 ปี
7. โครงการสร้างพันธมิตรกับกลุ่มธุรกิจเดียวกัน
ผู้เขียน ดร.กฤติน กุลเพ็ง ประสบการณ์ 25 ปี ทางการบริหารทรัพยากรมนุษย์และพัฒนาองค์กร เชี่ยวชาญเรื่องการบริหารทรัพยากรมนุษย์สมัยใหม่ บริหารวัฒนธรรมองค์กร และ การ Implement Competency Model ให้กับองค์กรภาครัฐและเอกชน เป็นอาจารย์พิเศษ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา วิทยาเขตบางแสน
E-mail: weerakp@gmail.com , krittin@krittin.net Mobile 081-5755966