ปัจจัยกลยุทธ์ถือว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างยิ่งในการบริหารทั้งในปัจจุบันและอนาคต กล่าวคือเมื่อมีกลยุทธ์เปลี่ยนก็จะส่งผลต่อการบริหารการจดการด้านทรัพยากรมนุษย์ก็ต้องเปลี่ยนตามไปด้วย ก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการวางแผนทรัพยากรมนุษย์

การบริหารองค์การ ต้องคำนึงถึงปัจจัยดังกล่าวตามแผนภาพด้านบน เมื่อองค์การจะดำเนินการวางกลยุทธ์ทางธุรกิจ ผู้บริหารระดับสูงควรจะมาศึกษาปัจจัยทั้ง 7 ปัจจัยหลักก่อนจะดำเนินการกำหนดกลยุทธ์ ซึ่งจะเป็นพื้นฐานสำคัญในการนำไปประกอบการวางแผนกลยุทธ์ด้านทรัพยากรมนุษย์ขององค์การด้วยเช่นกัน ปัจจัยดังกล่าวเป็นปัจจัยสภาพแวดล้อมภายใน ที่มีผลกระทบต่อการวางแผนทรัพยากรมนุษย์ คือ

โครงสร้าง(Structure) องค์กรมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างขององค์การจากองค์การแบบสูง(tall organization) สู่องค์การแนวนาบ (flat organization) มากขึ้น มีการลดขนาดขององค์การให้เล็กลง (downsizing) องค์การที่เล็กแต่มีประสิทธิภาพและสมรรถนะในการทำงานสูง
กลยุทธ์ (strategy) องค์การต้องมีการบริหารเชิงกลยุทธ์มากขึ้น (strategic management) โดยมีการวิเคราะห์สถานการณ์ได้ถูกต้องแม่นยำมากขึ้น กลยุทธ์ขององค์การต้องมุ่งสู่ลูกค้าและแข่งขันสู่ความเป็นเลิศไม่เป็นสองรองใคร กลยุทธ์เปลี่ยนไปทำให้ทรัพยากรมนุษย์ต้องเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย
ระบบ (system) องค์การต้องมีการปรับเปลี่ยนระบบงานให้มีความคล่องตัว รวดเร็วมากยิ่งขึ้น การปรับปรุงกระบวนการทำงาน การไหลของงานให้คล่องตัวขึ้น ซึ่งจะต้องมีการวางแผนด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้สอดคล้องดังกล่าว เช่น การรื้อปรับระบบ(reengineering) การทำงานง่ายขึ้น(work simplification) การปรับปรุงงาน (work improvement) เป็นต้น
ทักษะ(skill) องค์การมุ่งเน้นคนที่สามารถมากขึ้น มุ่งความสามารถที่หลากหลาย ทำงานได้หลายอย่าง นอกจากจะมีความสามารถในการทำงานแล้วยังต้องมีความสามารถในการนำเสนอ ความสามารถในการใช้คอมพิวเตอร์ ความสามารถด้านภาษาอังกฤษ เป็นต้น ซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าเพิ่มของทรัพยากรมนุษย์ให้มีมากขึ้น
ค่านิยมร่วม (shared value) องค์การมุ่งสร้างค่านิยมที่เกิดจากองค์การและบุคคลากรในองค์การ การที่มีความคิดความเชื่อในการทำงานเหมือนกันจะทำให้การปฏิบัติงานสำเร็จได้ง่าย ค่านิยมที่มุ่งเน้นส่วนใหญ่มักจะมีเรื่องคุณภาพ มาตรฐาน ประสิทธิภาพ รวดเร็ว ประทับใจ ความปลอดภัย ความจริงใจ ความเป็นเลิศ ยิ้มแย้ม ความร่วมมือ ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ และการตรงต่อเวลา เป็นต้น
ลีลาการบริหาร(style) องค์การมุ่งสู่การบริหารแบบประชาธิปไตย และมีส่วนร่วมมากขึ้น การบริหารในลักษณะดังกล่าวจำเป็นที่จะต้องได้ผู้ร่วมงานที่มีความรับผิดชอบและความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ การกระจายอำนาจ(empowerment) จำเป็นที่จะต้องสร้างความพร้อมของทรัพยากรมนษย์ ให้มีความพร้อมอยู่ตลอดเวลา โดยการวางแผนทรัพยากรมนุษย์แต่ละด้านไว้อย่างชัดเจน
พนักงาน (staff) องค์การในอนาคตมุ่งสู่แนวคิดทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพโดยเริ่มจากการมีความรู้สึกเป็นเจ้าของ (sense of belonging) การเป็นหุ้นส่วน(partnership) การมีอิสระในการทำงาน รวมทั้งการเพิ่มผลผลิตโดยใช้พนักงานที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกล่าวคือ เคยใช้พนักงานทำงาน 4 คน ใน 4 ขั้นตอนตามกระบวนการทำงานในอนาคตจำเป็นต้องลดขั้นตอนการทำงานใหม่เหลือ 2 ขั้นตอน พนักงานก็ลดเหลือ 2 คน ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายลดลงด้วย การพัฒนาพนักงาน 2 คน เพื่อให้ทำงานได้เท่ากับ 4 คน จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญต้องกระทำให้ได้ บางองค์การลดพนักงานจาก 4 คน เหลือ 1 คน โดยใช้ระบบบริการทีเดียวเบ็ดเสร็จ (one stop service)

สำหรับแผนภาพถัดไป จะเป็นการมุ่งเน้นการวางแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจเป็นสำคัญ ซึ่งในทางปฏิบัติจะส่งผลต่อการวางแผนทรัพยากรมนุษย์ในองค์การตามไปด้วย

hr strategy

จากแผนภาพ การวางแผนกลยุทธ์จะเริ่มที่

ขั้นตอนแรก การวิเคราะห์ประเมินสิ่งแวดล้อม
ที่เป็นทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก ซึ่งเป็นการประเมินทั้งจุดแข็งและจุดอ่อน(SWOT Analysis)ของบริษัท

ขั้นตอนที่สอง เป็นการกำหนดวิสัยทัศน์ (Vision) ภารกิจ (Mission) ขององค์การ
ว่าองค์การมีภาระหน้าที่หลักอะไรบ้าง องค์การผลิตสินค้าและบริการอะไร องค์การผลิตสินค้าและบริการเพื่อใคร

ขั้นตอนที่สาม เป็นการกำหนดกลยุทธ์เพื่อให้มีวัตถุประสงค์ (Objective)
ซึ่งจะต้องสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ พันธกิจ/ภารกิจ ขององค์การ ส่วนใหญ่มักนิยมการกำหนดวัตถุประสงค์ในเชิงปริมาณมากกว่าคุณภาพ การกำหนดกลยุทธ์นั้นมีกลยุทธ์อยู่ 3 ระดับ ได้แก่ กลยุทธ์ระดับองค์การ (Corporate Strategy) กลยุทธ์ระดับธุรกิจ (Business Strategy) และกลยุทธ์ระดับหน้าที่ (Functional Strategy)

ขั้นตอนที่สี่ เป็นการดำเนินการตามกลยุทธ์ (Strategy Implementation)
โดยการแปลงกลยุทธ์สู่การปฎิบัติให้ประสบความสำเร็จ หัวใจสำคัญของการดำเนินกลยุทธ์ได้แก่ ภาวะผู้นำ(Leadership) การออกแบบโครงสร้างขององค์การ (organization structure and design) และการทำงานเป็นทีมโดยมีระบบผนึกกำลังร่วม (synergism) ของทุกฝ่ายทั้งฝ่ายปฏิบัติการ ฝ่ายที่ปรึกษาและฝ่ายสนับสนุน

ขั้นตอนที่ห้า การประเมินกลยุทธ์ (Strategy evaluation)
ซึ่งประกอบด้วยการประเมินใน 4 ตัวแปร ได้แก่ การตอบสนองต่อความพึงพอใจด้านการบริการ ประสิทธิภาพการบริหารองค์การ การเรียนรู้และการสร้างนวัตกรรมใหม่ และเครื่องมือทางการเงิน

จากแนวคิดการวางแผนกลยุทธ์ขององค์การ นอกจากจะมีความสำคัญและจำเป็นต่อองค์การแล้วยังส่งผลต่อการจัดทำแผนทรัพยากรมนุษย์ให้สอดคล้องกับการวางแผนกลยุทธ์ขององค์การด้วย ตัวอย่างเช่น บริษัทหนึ่งเป็นบริษัทชั้นนำเกี่ยวกับวิศวกรรมและการก่อสร้างใต้น้ำ ได้พบปัญหาที่สำคัญ คือ การแข่งขันในอุตสาหกรรมดังกล่าวอย่างรุนแรงทำให้คู่แข่งรายเล็กๆ ต้องออกจากอุตสาหกรรมไป ดังนั้นการแข่งขันในอุตสาหกรรมจึงมีการเปลี่ยนแปลง ลูกค้าของอุตสาหกรรมนี้คือ บริษัทขุดเจาะน้ำมันก็เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมโดยให้ความสนใจกับการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับผู้ขายมากกว่าการเลือกผู้ขายที่ให้ราคาต่ำที่สุดเหมือนในอดีต ผู้บริหารของบริษัทได้วิเคราะห์สถานการณ์และในที่สุดได้กำหนดภารกิจที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าโดยวางตนเองให้เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการจัดหาที่มีมาตรฐานสูงที่สุดทั้งด้านความปลอดภัยและคุณภาพโดยกำหนดแผนกลยุทธ์ไว้ 5 ประการ คือ

สร้างบริการที่สามารถตอบสนองความต้องการและความคาดหวังของลูกค้าได้สูงสุด
สร้างความพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า
ทำการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องทั้งทางด้านความปลอดภัย ความเชื่อถือได้ของเครื่องจักร การตอบรับและต้นทุนที่ประหยัด
เสริมสร้างพนักงานให้มีคุณภาพสูง
ตอบสนองความคาดหวังของผู้ถือหุ้น
เมื่อกำหนดแผนกลยุทธ์ขององค์การได้แล้วก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องกำหนดแผนทรัพยากรมนุษย์ให้สอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ต่อไป เช่นแผนสรรหาทรัพยากรมนุษย์ แผนคัดเลือก แผนประเมินการปฏิบัติงาน แผนพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ แผนบริหารผลตอบแทน แผนการปรับปรุงสวัสดิการ เป็นต้น

ดร. กฤติน กุลเพ็ง

“ประสบการณ์ 25 ปี ทางการบริหารทรัพยากรมนุษย์และพัฒนาองค์กร เชี่ยวชาญเรื่องการบริหารทรัพยากรมนุษย์สมัยใหม่บริหารวัฒนธรรมองค์กร และ การ Implement Competency Model ให้กับองค์กรภาครัฐและเอกชน ประสบการณ์ในการทำงานในเครือซิเมนต์ไทยมา 15 ปี เป็นอาจารย์พิเศษ สอนด้าน Human Resource Management มหาวิทยาลัยบูรพา วิทยาเขตบางแสน”